พระเจ้าประเสริฐ
ผมมีโอกาสไปจีนอีกครั้งหนึ่งในช่วงสงกรานต์ เราไปกันเองเริ่มจากเพื่อนสองคนในไลน์มาชวนเที่ยว พวกเขาอยู่หน้าเคาน์เตอร์แอร์เอเชียรอจองตั๋ว เพียงอึดใจเดียวมีคนไปร่วมด้วยช่วยกันที่เมืองจีน 6 คน ผมขอเลือกไปเมืองอู่ฮั่น เพราะเคยดูสารคดีแม่น้ำแยงซีเห็นชีวิตผู้คนอพยพย้ายถิ่นผลพวงจากเขื่อนยักษ์ชานเสียแล้วอยากไปสัมผัสด้วยตา เลยบอกเพื่อนให้จองอู่ฮั่น และเพื่อให้ได้อย่างที่ใจต้องการผมซื้อหนังสือ Lonely Planet มาเป็นคู่มือจัดทริปเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเล่ม หาที่พัก, หาตารางรถโดยสารระหว่างเมือง, ตารางรถไฟและตารางเรือล่องแม่น้ำ ผมได้แหล่งท่องเที่ยวมาหลายที่ แต่จะหาข้อมูลการเดินทางไปแสนยากเย็นเพราะแถบนั้นมีแต่นักท่องเที่ยวจีน ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากนัก ไม่มีใครเขียนไว้ในหน้าเวปภาษาอังกฤษ หากคิดจะล่องครุยส์จากอี๋ชางไปฉงชิ่งผ่านสามโตรกใช้เงินไม่น้อยกว่า 30,000 บาท และใช้เวลามากสำหรับทริปแค่ 7 วัน ยิ่งอายุมากขึ้น ประสพการณ์ที่ผ่านมาทำให้ความวิตกกังวลมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ข้อมูลและตารางประจำวันชัดเจนมากจนกระดิกตัวไม่ได้ การเตรียมทริปครั้งนี้ของผมจึงละเอียดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ผมจัดตารางเสร็จเรียบร้อยและทำไว้ถึง 4 แผนตามพยากรณ์อากาศที่ได้มารายวันเพื่อให้ปรับได้ตามความเหมาะสมของสถานการณ์ และผมเชื่อว่าทุกอย่างที่ผมเตรียมพร้อมนี้จะราบรื่นเพราะได้เตรียมมาอย่างดี
ก่อนเดินทางหนึ่งเดือนผมได้กล้องถ่ายรูปตัวใหม่มา เป็นกล้องไร้กระจก mirrorless นำมาฝึกซ้อมใช้จนคุ้นมือ ผมตั้งใจว่าจะนำกล้องตัวนี้ไปจีน เพราะขนาดมันเล็กกระทัดรัด ที่สำคัญคือกล้องแข็งแรงทนทาน ระบุว่าเป็นกล้องระดับ prosumer และ weather-sealed เหมาะกับช่วงต้นมรสุมที่จีนพอดี ก่อนเดินทางสองวัน ผมนึกอย่างไรไม่ทราบหยิบกล้องใหญ่ D700 ออกมาตรวจเช็ค รื้อกระเป๋ากล้องมาจัดใหม่เอา D700 และเลนซ์ 24-80มม. เป็นกล้องหลัก เอากล้องใหม่ OM-D ติดเลนซ์มาโคร 50มม.(เทียบเท่า 100 มม.) ไว้ถ่ายเทเลแทน เอาเลนซ์ 14มม. ไปอีกตัวไว้ถ่ายสแนป ลดระดับมันเหลือแค่กล้องสำรอง ผมไม่มีคำตอบเช่นกันว่าทำไมผมจึงทำอย่างนั้น วันแรกไปลงสนามบินอู่ฮั่น วันรุ่งขึ้นเราจับรถไฟไปอี๋ชาง แค่ตกบ่ายเท่านั้นกล้องใหม่เสีย เซนเซอร์ขึ้นเป็นลายขีดๆ เปิดปิดกี่ครั้งหน้าจอไม่ดับต้องเอาแบตเตอรีออก มันใช้งานไม่ได้เลยตลอดวันเวลาที่อยุ่นั่น ผมขอบคุณพระเจ้าตั้งแต่วินาทีแรกที่กล้องเสียเลยก็ว่าได้ ใครจะคาดคิดว่ากล้องใหม่คุณภาพระดับโปร โฆษณากันขนาดเปิดก๊อกน้ำประปาไว้ 10 นาทียังเอามาถ่ายภาพต่อได้จะมาพังเอาง่ายๆไม่มีปี่มีขลุ่ย หากพระเจ้าไม่ดลใจผมแล้วจะเป็นทริปที่เจ็บปวดใจมากทริปหนึ่ง สิ่งที่มนุษย์เห็นว่าดี แต่พระเจ้าทรงทราบล่วงหน้าว่าไม่ดี
เมื่อผมจองโรงแรมขากลับมาอู่ฮั่น ผมใช้เวลาหานานพอสมควร ผมมีกติกาในใจว่า ไม่แพง, ใกล้แหล่งเที่ยวในฮั่นโขว, มีรถไฟใต้ดินผ่านจะได้เดินทางได้รวดเร็วไม่ต้องกังวลใจ ผมเลือกไว้ที่หนึ่งอยู่ใกล้ถนนคนเดินเจียงชานและใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน รู้สึกอุ่นใจว่าจัดการจองไปเรียบร้อยแล้ว หลายวันต่อมาเปิดดูรูปที่พักอีกครั้งจึงได้เห็นว่าห้องน้ำที่นี่เป็นห้องกระจกใสทั้งหมด มันไม่เหลือความลับอะไรระหว่างกันของเพื่อนร่วมห้องทำให้ผมต้องยกเลิกและหาที่พักใหม่ ผมไม่ทราบว่าอะไรทำให้คอมพิวเตอร์ของผมเข้าหน้าเวปของอโกดาไม่ได้ โรงแรมที่ผมหมายตาไว้ต้องจองผ่านอโกดา ผมบอกให้เพื่อนร่วมทริปช่วยจองโรงแรมดังกล่าวให้ เพื่อนผมจองเสร็จเรียบร้อยส่งใบ order มากลายเป็นอีกโรงแรมหนึ่งที่อยู่ห่างจากสถานีรถใต้ดินครึ่งกิโลเมตรเศษ ไม่ได้อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวถนนคนเดินเจียงชาน เธอบอกว่าลิงค์ที่ผมส่งให้เปิดขึ้นมาก็เป็นโรงแรมนี้ ผมรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยว่าไม่ใช่สิ่งที่หมายใจไว้แต่แรก เมื่อมาถึงอู่ฮั่นโรงแรมที่เราพักเป็นโรงแรมระดับสามดาวแต่ราคาเพียงสองดาวอยู่ตรงข้ามสถานีขนส่งฟู่เจียโปพอดี เราสามารถจองตั๋วและลากกระเป๋าแบกเป้ขึ้นรถ shuttle bus ไปสนามบินเทียนเหอได้ง่ายมาก หน้าโรงแรมเป็นป้ายรถประจำทาง เรานั่งรถประจำทางสาย 401 ไปหอกระเรียนเหลือง ไปสะพานแยงซีอู่ฮั่น นั่งไปทะเลสาปตงหู ค่ารถเพียง 2 หยวนถูกกว่าค่ารถใต้ดินเสียอีก สามารถเดินไปวัดฉางชุนที่ห่างไป 1 กม. สิ่งที่มนุษย์คิดว่าดี แต่พระเจ้าทรงทราบว่าไม่ดีไม่เหมาะ
ยิ่งจัดตารางเดินทางควบคู่ไปกับการตรวจสอบอากาศผมก็ยิ่งหนักใจ มณฑลหูเป่ยอยู่ในเขตอบอุ่นก็จริง ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนเป็นฤดูมรสุม เมฆหนา ฝนมีตั้งแต่บางเบาเป็นละอองไปจนถึงระดับ shower rain มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศวันแรกที่อู่ฮั่นไม่มีฝนแต่เมฆหนา ตารางเที่ยววันแรกล้มไม่เป็นท่าเพราะการสื่อสารและการเดินทาง ถนนคนเดินที่เจียงฮานน่าผิดหวัง ผมไม่ได้ภาพตึกยุคอาณานิคมอย่างที่อยากได้อยากเห็นเพราะเต็มไปด้วยผู้คนและการค้าขายจอแจ แต่ผมได้สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นมานั่นคือ ผมขอบคุณพระเจ้าที่น้องขวัญตัดสินใจมาจากหนานหนิงมาสมทบกับเราในตอนเย็นเพื่อร่วมทริป น้องขวัญเป็นนักเรียนทุนจีนมาเรียนปริญญาตรีที่เมืองไทย เป็นช่วงเวลาที่น้องขวัญกลับบ้านประจำปีพอดี ทำให้เราได้รับความสดวกในการติดต่อสื่อสารในระหว่างเดินทางเป็นอย่างมาก วันที่สองเราไปอี๋ชางกันแต่เช้า ขอบคุณพระเจ้าที่มีรถไฟไปถึง แถมเป็นรถไฟความเร็วสูง 194 กม.เสียด้วย เขาเพิ่งเปิดให้บริการ ใช้เวลาเพียง 2 ชม.เท่านั้นแทนที่จะเป็น 5 ชม. ค่าตั๋วถูกกว่าตั๋วรถประจำทาง พยากรณ์อากาศวันนี้บอกว่าไม่มีฝน มีแดด แต่ผมกลับเจอฝนแบบ showerrain ที่เขื่อนซานเสีย กล้องผมก็เสีย ผมพลัดกับเพื่อนและคณะทัวร์ท้องถิ่น หมอกแม่น้ำหนาเสียจนเห็นอะไรเพียงลางเลือน คล้ายกับเป็นวันที่ไม่สมหวังเอาเสียเลย แต่ผมไม่ลืมขอบคุณพระเจ้าก่อนนอนแม้ดูเหมือนว่าสถานการณ์วันนี้ของผมจะย่ำแย่ วันที่สามเป็นวันที่พยากรณ์อากาศบอกว่ามีฝนเล็กน้อย 60% ของพื้นที่ ผมอธิษฐานว่าขอให้เป็นวันที่ผมสมหวัง เพราะวันนี้ผมไปลงเรือล่องแม่น้ำไปโตรกซีหลิง แม้วันนี้ฟ้าจะปิด แต่เป็นวันที่ผมเห็นความยิ่งใหญ่จากฝีพระหัตถ์ของพระองค์ เพื่อนร่วมทริปออกปากว่าเป็นวันที่สวยงามมาก ไม่มีฝนแม้แต่หยดเดียว ฝนมาเทกระหน่ำตอนค่ำที่เราถึงที่พักกันแล้ว (ตอนผมไปหาจองตั๋วรถไปสือเยวี่ยน) วันที่สี่ พวกเราเดินทางไปสือเยวี่ยนเพื่อเตรียมตัวขึ้นเขาอู่ตังซานวันรุ่งขึ้น ตลอดทางเต็มไปด้วยหมอกและฝนจนฝ้าฟางจนผมนึกหวั่นใจ แต่พยากรณ์อากาศบอกว่าพรุ่งนี้มีแดดปลอดฝน ที่สือเยวี่ยนฝนรอต้อนรับเราอย่างชุ่มฉ่ำ เช้าวันรุ่งขึ้นแห้งเป็นปลิดทิ้ง เราขึ้นเขาอู่ตังซาน แดดสวยงาม ฟ้าช่วงเช้าสดเข้มชัดเจน เป็นอีกวันที่ไม่มีฝน เป็นวันที่เหนื่อยและสนุกมาก เพื่อนผมออกปากว่าแค่วันที่ล่องเรือไปโตรกซีหลิงกับวันนี้ที่ขึ้นเขาบู๊ตึงก็คุ้มแล้วสำหรับทริปนี้ วันที่หกเรานั่งรถไฟความเร็วสูงตรงเข้าอู่ฮั่น ขอบคุณพระเจ้าเพราะเป็นเที่ยวรถไฟที่ไม่อยู่ในตารางรถไฟที่ผมค้นหาก่อนหน้านี้ ใช้เวลาเดินทางเพียงสี่ชั่วโมงแทนที่จะเป็นแปดชั่วโมงเศษ เรามาถึงอู่ฮั่น เขาว่าจะมีฝน 40% ของพื้นที่ เราออกไปเดินถ่ายรูปไฟกลางคืนที่หอนกกระเรียนเหลือง และออกไปที่สะพานข้ามแม่น้ำแยงซีแห่งแรก ใช้เวลารับอากาศหนาวกันจนอิ่ม จนสี่ทุ่มฝนตกขณะที่เราเดินทางกลับที่พัก วันรุ่งขึ้นเป็นวันสุดท้ายที่เราอยู่ที่อู่ฮั่น วันนี้เขาบอกว่ามีฝนเล็กน้อย ผมออกไปทะเลสาปตงหูแต่เช้า เป็นวันที่อากาศดี แม้ฟ้าจะปิดแต่ก็ยังพอมีแดดอ่อนๆ เรามีเวลาเหลือให้เดินพิพิธภํณฑ์หูเป่ย แต่ก็ทำให้ผมตื่นเต้นเลือดฉีดแรง ผมต้องการเห็นของสองชิ้นคือชุดระฆังเครื่องเคาะจากสุสานของนายพลยี และกระโหลกมนุษย์หยานเซี่ยน (Homo erectus) หากผมไม่ได้แวะมาผมคงรู้สึกไม่สมหวัง เรารีบกลับมาเช็คเอาท์ ขอบคุณพระเจ้าที่เขายอมให้เราเช็คเอาท์ได้จนบ่ายโมงทำให้ผมมีเวลาไปพิพิธภัณฑ์ เราฝากกระเป๋าแล้วยังมีเวลาเหลือจึงได้ไปวัดฉางชุน วัดนี้มีประวัติยาวนานนับพันปี เราเกือบไม่ได้กลับเพราะไปรอขึ้นรถ shuttle ผิดที่ ฝนเริ่มโปรยปรายตอนที่เราอยู่ในรถ shuttle ไปสนามบิน ทำให้รถติดนานแต่เราไปถึงสนามบินก่อนเวลาขึ้นเครื่องเพียง 15 นาที พระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งที่ดีให้กับคนที่พระองค์รักเสมอ
ผมขอบคุณพระเจ้าที่กล้องที่ดีที่สุดตัวหนึ่งของผมเสีย เพราะผมจะได้รู้ว่าผมควรไว้วางใจพระองค์หรือไว้ใจความรอบรู้ของตัวเอง, ผมขอบคุณพระองค์สำหรับโรงแรมที่พระองค์เลือกให้ เพราะดีกว่าที่ผมเลือกเอง, ผมขอบคุณวันเวลาของพระองค์ เครื่องมือสื่อสารของโลกนี้ที่ว่าล้ำยุคนำสมัย สามารถทำนายล่วงหน้าได้นาน หรือจะละเอียดขนาดชั่วโมงต่อชั่วโมง แต่มันไม่มีประโยชน์และดีเท่ากับคำอธิษฐานและความไว้วางใจ, ผมขอบคุณพระองค์ เพราะทุกการเดินทางครั้งนี้เติมเต็มความต้องการของผม, ขอบคุณพระองค์สำหรับเพื่อนร่วมเดินทางที่ดีมากทุกคน ผมประทับใจพวกเขาทุกคน, ผมขอบคุณพระองค์ที่สอนให้ผมพยายามรอบคอบในการวางแผน ประเมินสถานการณ์ต่างๆล่วงหน้า แต่พระองค์เตือนสติว่า ผลสัมฤทธิ์ทุกอย่างนั้นมาจากพระองค์
พระเจ้าทรงเป็นผู้ปลอบประโลม พระองค์เป็นเช่นเสาเมฆและเสาไฟให้กับประชากรของพระองค์ (อพย 14.19) ความช่วยเหลือจากพระองค์มาถึงเสมอในยามยาก (สดด 46.1) มนุษย์อาจวางแผนเตรียมการทุกอย่าง แต่ผลสัมฤทธิ์มาจากพระองค์ (สภษ 16.9) พระองค์จะเปลี่ยนสิ่งที่ดูเหมือนย่ำแย่ให้เป็นพร มนุษย์อาจคิดว่าตัวเองดีและรอบคอบ แต่แท้จริงแล้วพระเจ้าเพียงพระองค์เดียวเท่านั้นที่ประเสริฐเลิศและสมบูรณ์ (สดด 18.30, มธ 5.48)
ขอบพระคุณพระเจ้า
ใส่ความเห็น